จับตา! พบ ‘โอมิครอน’ ระบาดรวดเร็วมาก ไม่ถึง 4 สัปดาห์กลายเป็นสายพันธุ์หลักในแอฟริกาใต้

เรื่องที่น่าสนใจ

ตัวกลายพันธุ์โอมิครอนของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่มีการกลายพันธุ์หลายตำแหน่งมาก กลายเป็นสายพันธุ์หลักในแอฟริกาใต้อย่างรวดเร็ว ไม่ถึง 4 สัปดาห์หลังพบผู้ติดเชื้อในประเทศแห่งนี้ จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันพุธ (1 ธ.ค.) ในขณะที่ชาติอื่นๆ ยกระดับคุมเข้มพรมแดนรับมือกับภัยคุกคามใหม่จาก “โอมิครอน”

สหรัฐฯ แจ้งสายการบินต่างๆ ให้มอบรายชื่อพวกผู้โดยสารที่เดินทางมาจากพื้นที่ต่างๆ ในแถบตอนใต้ของแอฟริกาที่ได้รับผลกระทบจากตัวกลายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งทางองค์การอนามัยโลกระบุว่า จนถึงตอนนี้แพร่ระบาดไปถึงอย่างน้อย 24 ประเทศ และเคสเหล่านี้มีอาการตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง

ข้อบ่งชี้ต่างๆ ก่อนหน้านี้บ่งชี้ว่าโอมิครอนอาจแพร่กระจายเชื้อได้ง่ายกว่าตัวกลายพันธุ์ก่อนๆ โหมกระพือความกังวลว่าทั่วโลกอาจจำเป็นต้องกำหนดข้อจำกัดรอบใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

สถาบันโรคติดต่อแห่งชาติแอฟริกาใต้ระบุว่าประวัติของโอมิครอนและข้อมูลระบาดวิทยาในเบื้องต้น บ่งชี้ว่ามันสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันบางส่วน แต่วัคซีนที่อยู่ในปัจจุบันน่าจะยังคงมีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้ออาการรุนแรงและเสียชีวิต

ข้อมูลของสถาบันโรคติดต่อแห่งชาติแอฟริกาใต้พบว่า จากตัวอย่างทั้งหมดที่พวกเขาดำเนินการถอดรหัสพันธุกรรมในเดือนที่แล้ว มีอยู่ถึง 74% ที่เป็นตัวกลายพันธุ์ใหม่ ซึ่งเพิ่งแถลงยืนยันเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน แต่พบครั้งแรกในตัวอย่างหนึ่งซึ่งเก็บมาจากกัวเต็ง จังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดของแอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน

นอกจากนี้แล้วรายงานระบุด้วยว่า พบจำนวนผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์ใหม่ในวันพุธ (1 ธ.ค.) เพิ่มขึ้นจากวันอังคาร (30 พ.ย.) เท่าตัว

มาเรีย ฟาน เคิร์กโฮฟ นักระบาดวิทยาขององค์การอนามัยโลก กล่าวระหว่างแถลงสรุป ข้อมูลที่ว่าตัวกลายพันธุ์โอมิครอนแพร่ระบาดได้ง่ายมากน้อยแค่ไหน น่าจะมีออกมาภายในไม่กี่วันนี้

ซีอีโอของไบโอเอ็นเทค ระบุว่า วัคซีนที่พวกเขาผลิตร่วมกับไฟเซอร์ ดูเหมือนจะมอบประสิทธิภาพป้องกันแข็งแกร่งจากการติดเชื้อตัวกลายพันธุ์โอมิครอนอาการรุนแรง

เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ระบุกำลังทำงานแข่งกับเวลาในความพยายามกำจัดตัวกลายพันธุ์ใหม่ ในขณะที่พวกนักวิทยาศาสตร์กำลังหาทางสรุปว่ามันแพร่กระจายเชื้อได้ง่ายแค่ไหนและมันสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากวัคซีนหรือไม่

คำกล่าวครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่อียูร่นฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 สำหรับเด็กอายุ 5 ถึง 11 ขวบเร็วขึ้น 1 สัปดาห์ เป็น 13 ธันวาคม “เตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เลวร้าย ด้วยความหวังว่าผลจะออกมาดีที่สุด” เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน กล่าวระหว่างแถลงข่าว

เธอเน้นว่าจากข้อมูลของพวกนักวิทยาศาสตร์ การฉีดวัคซีนครบเข็มและฉีดเข็มกระตุ้นมอบภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ไมค์ ไรอัน หัวหน้าโครงการฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก วิพากษ์วิจารณ์เหล่าประเทศพัฒนาแล้ว ว่ากำลังเดินหน้าฉีดเข็มกระตุ้นแก่ประชากรของตนเองจำนวนมากที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว ในช่วงเวลาที่กลุ่มคนอ่อนแอในภูมิภาคยากจนทั้งหลายยังไม่ได้ฉีดวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว

กานา ไนจีเรีย นอร์เวย์ ซาอุดีอาระเบีย และเกาหลีใต้ เป็นหนึ่งในบรรดาประเทศล่าสุดที่รายงานพบเคสผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์ใหม่โอมิครอน ขณะที่สหราชอาณาจักรเผยว่ายอดรวมผู้ติดเชื้อขยับขึ้นเป็น 22 ราย และแน่นอนว่าเพิ่มสูงกว่านี้

ออสเตรเลียระบุว่ามีอยู่ 2 คนที่เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ หลายแห่งในซิดนีย์ ดูเหมือนจะติดเชื้อตัวกลายพันธุ์ใหม่ ส่วนเดนมาร์กยอมรับว่ามีผู้ติดเชื้อรายหนึ่งเข้าชมคอนเสิร์ตที่มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

ญี่ปุ่น ซึ่งห้ามชาวต่างชาติรายใหม่เดินทางเข้าประเทศทั้งหมด รายงานพบเคสผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์รายที่ 2 และบอกว่าจะขยายข้อจำกัดด้านการเดินทางเพิ่มเติม

องค์การอนามัยโลกระบุว่า จนถึงวันที่ 28 พฤศจิกายน มีราวๆ 56 ประเทศที่บังคับใช้มาตรการด้านการเดินทางเพื่อป้องกันตัวกลายพันธุ์โอมิครอน

ฮ่องกง เพิ่มเติมญี่ปุ่น โปรตุเกสและสวีเดน เข้าไปในบัญชีจำกัดการเดินทาง ส่วนอุซเบกิสถานบอกว่าจะระงับเที่ยวบินกับฮ่องกงเช่นเดียวกับแอฟริกาใต้ ขณะที่มาเลเซียแบนนักเดินทางจาก 8 ชาติแอฟริกาชั่วคราว และบอกว่าสหราชอาณาจักรและเนเธอร์แลนด์ จะอยู่ในบัญชีดังกล่าวด้วย

สหรัฐฯ แบนชาวชาวต่างชาติเกือบทั้งหมด ซึ่งเคยเดินทางไปเยือน 1 ใน 8 ประเทศในแถบตอนใต้ของแอฟริกา และเมื่อวันอังคาร (30 พ.ย.) ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ สั่งการให้สายการบินต่างๆ เปิดเผยชื่อและข้อมูลอื่นๆ ของพวกผู้โดยสารที่เคยเดินทางไปประเทศเหล่านี้

(ที่มา : ซีเอ็นบีซี)