กว่าจะมาเป็น Squid Game ซิรีส์เรื่องแรกจากเกาหลีใต้ ที่สร้างปรากฏการณ์ฮิตไปทั่วโลกนั้น หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า “ฮวังดงฮยอก” (Hwang Dong-hyuk) ซึ่งเป็นทั้งผู้เขียนบทและผู้กำกับซิรีส์เรื่องนี้ ใช้ความเพียรพยายามกว่า 10 ปีเต็ม ในการนำเสนอให้กับสตูดิโอผู้สร้างหลายราย และก็ถูกปฏิเสธมานับครั้งไม่ถ้วน ด้วยเหตุผลว่า เนื้อเรื่องดูห่างไกลจากความเป็นจริงมาเกเกินไป
กว่าที่ผลงานจากไอเดียของเขาจะได้รับการตอบสนอง ก็ต่อเมื่อบทของซิรีส์เรื่องนี้ ตกอยู่ในมือของ Netflix สตรีมมิงยักษ์ใหญ่ ที่ให้ความสนใจ และอนุมัติให้สร้าง อาจจะด้วยมองเห็นว่าเนื้อหาใน Squid Game สอดคล้องกับสถานการณ์ของไวรัสโควิด – 19 ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
โดยที่ ณ เวลานั้น เชื่อว่าแม้กระทั่ง Netflix เอง ก็คงไม่คาดคิดว่า Squid Game จะกลายเป็นซิรีส์ระดับที่เป็นปรากฏการณ์ไปทั่วโลกแบบนี้ ด้วยการถูกเผยแพร่ไปกว่า 30 ภาษา และติดอันดับ 1 ถึง 90 ประเทศ ที่สำคัญยังขึ้นชื่อว่าเป็นซิรีส์จากเกาหลีที่มีผู้ชมในสหรัฐฯ มากที่สุด
และล่าสุดขึ้นทำเนียบเป็นซีรี่ส์อันดับ 1 ของ Netflix อย่างเป็นทางการด้วยยอดผู้ชมกว่า 111 ล้านครัวเรือนทั่วโลก
เรียกว่า 10 ปีที่รอคอย ไม่เสียเปล่าจริงๆ !!!!
Squid Game ในชื่อไทยว่า “เล่นลุ้นตาย” เป็นซีรีส์แนวเเสียดสีสังคมทุนนิยม ว่าด้วยเรื่องของผู้เข้าแข่งขัน จำนวน 456 คน ที่จะต้องมาแข่งขันกันเอาตัวรอดในเกมที่ดัดแปลงมาจากการละเล่นพื้นบ้านของเด็กเกาหลีใต้ โดยมีเดิมพันเป็นเงินรางวัลมหาศาล ที่จะสามารถเปลี่ยนชีวิตของผู้ชนะจากหน้ามือเป็นหลังมือได้เลยทีเดียว
สำหรับทุนสร้างของซิรีส์ Squid Game ทั้ง 9 ตอนนั้น มีรายงานข่าว ทาง Netflix ควักกระเป๋าจ่ายถึงประมาณ 2 หมื่นล้านวอน (ประมาณ 569 ล้านบาท) โดยเฉลี่ยต่อตอนอยู่ที่ประมาณ 2.5 พันล้านวอน (ประมาณ 71 ล้านบาท)
ขณะที่ในส่วนของค่าตัวนักแสดงนั้น ว่ากันว่า “อีจองแจ” (Lee Jung Jae) ในบทของ “ซองกีฮุน” ผู้เล่นหมายเลข 456 ได้ค่าตัวต่อตอนประมาณ 300 ล้านวอน (ประมาณ 8.5 ล้านบาท) ส่งให้เขากลายเป็นนักแสดงเกาหลีฝ่ายชายที่มีค่าตัวสูงเป็นอันดับ 2 เป็นรองก็แต่เพียง “คิมซูฮยอน” (Kim Soo Hyun) ที่ได้ค่าตัวจากซิรี่ส์ It’s Okay To Not Be Okay อยู่ที่ราวๆ 500 ล้านวอน (ประมาณ 14 ล้านบาท) ต่อตอน
อย่างไรก็ดี ด้วยอานิสงส์จากความสำเร็จของ Squid Game ได้สร้างให้บรรดานักแสดงนำในเรื่อง โด่งดัง และกอบโกยรายได้ถล่มทลายไปตามๆ กัน
โดยเฉพาะกับ “จองโฮยอน” (Jung Ho Yeon) นักแสดงสาวที่เพิ่งมีผลงานการแสดงเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ในบท “คังแซบยอก” ซึ่งผลพวงจากความโด่งดังของ Squid Game ก็ผลักให้เธอมีชื่อเสียงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ดังจะเห็นได้จากยอดผู้ติดตามในไอจีส่วนตัว จาก 400,000 ฟอลโลเวอร์ กระโดดขึ้นมาเป็น 1.4 ล้าน ภายในไม่กี่วัน และตอนนี้พุ่งไปเกือบแตะ 20 ล้านฟอลโลเวอร์แล้ว กลายเป็นนักแสดงหญิงที่มียอดผู้ติดตามสูงสุดของเกาหลีใต้
มีรายงานว่า “จองโฮยอน” จะได้รับค่าจ้างประมาณ 1.45 ล้านบาท ต่อครั้ง จากการโพสต์สินค้าลงในไอจีของตัวเอง
นอกจากความดังของนักแสดงแล้ว ยังสร้างให้เกิดกระแสแฟชั่นอีกด้วย ว่ากันว่านับตั้งแต่ซิรี่ส์เรื่องนี้เปิดตัว ก็ส่งผลให้ยอดขายรองเท้า Vans Slip-On สีขาว พุ่งขึ้นสูงกว่า 7,800% โดยราคาของรองเท้าแบรนด์ดังกล่าว ตั้งไว้อยู่ที่ 50 เหรียญ ซึ่งในบ้านเรานั้น จำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท
นอกจากนั้น ก็ยังมีรายงาน ว่ายอดการค้นหาเสื้อผ้าแบบเดียวกับที่นักแสดงใส่ในเรื่อง ก็เพิ่มสูงขึ้นถึง 62% เลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น กระแสความนิยมของซิรี่ส์ Squid Game ยังทำให้ Netflix ถูกผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในเกาหลีใต้ยื่นฟ้อง โทษฐานที่ทำให้ทราฟฟิกเต็ม
แต่ระหว่างที่กำลังรอผลการพิจารณาคดีดังกล่าว ซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคมนี้ ทาง Netflix ก็ไม่รอช้า เร่งให้ ฮวังดงฮยอก รีบดำเนินการสร้างภาคต่อของซิรี่ส์ Squid Game เป็นการด่วน !!!!!
ทั้งนี้ในฐานะที่เป็นทั้งผู้เขียนบท และผู้กำกับซิรีส์เรื่องนี้ ก็ได้มีการเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการสร้างภาคต่อ ที่จะเน้นความสำคัญไปที่ตัวละคร The Front Man ผู้ควบคุมเกมที่อยู่ภายใต้หน้ากากดำ
The Frontman รับบทโดย “ลีบุงฮุน” (Lee Byung-hun) นักแสดงเกาหลีใต้ ที่ฝากผลงานระดับฮอลลีวู้ดมาแล้ว ในเรื่อง Terminator Genisys
ทว่าเนื้อหาในภาพรวมของ Squid Game ซีซัน 2 ก็ยังคงชูประเด็นในเรื่องของการวิพากษ์สังคม ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของซิรีส์เรื่องนี้ หากเปลี่ยนมุมมองเป็นการเล่าผ่านสายตาของทางฝั่งตำรวจแทน
ก็ต้องมาดูหน้างานกันต่อว่า ในซีซัน 2 นั้น จะยังคงสามารถสร้างความฮือฮาในระดับที่เป็นปรากฏการณ์เทียบเท่ากับภาคแรกได้หรือไม่ ? อย่างไร !!???
ผู้จัดการ 360 องศาสุดสัปดาห์ ประจำวันที่ 16-22 ตุลาคม 2564
https://www.mgronline.com/entertainment/detail/9640000102187